เมฆไอศครีม คือแบรนด์ไอศกรีมรสชาติไทยที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๑๐ จากไอติมกะทิสดที่เลือกทำจุดแข็งของเราให้ดีที่สุด จนเป็นร้านคาเฟ่ชลบุรี ที่มีเอกลักษณ์ไอศกรีมรสชาติไทยๆโดยเฉพาะที่หาทานไม่ได้จากที่อื่น เช่น รสข้าวหลามหนองมน กะทิอบควันเทียน ฝอยทอง กล้วยตาก ขนมใส่ไส้ ซึ่งวัตถุดิบแต่ละรสชาติก็จะมีเรื่องราวจาก เกษตรกรรายย่อย วิสาหกิจชุมชน คนในท้องถิ่น เพราะว่าเราอยากสื่อสารเห็นผู้คนเห็นว่าวัตถุดิบของไทยนั้นเจ๋งแค่ไหนผ่านไอศกรีมและตำนานจากเรา
"OUR STORY" English Version , Chinese Version
ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมในการทำไอศกรีมและวัตถุดิบตามรสชาติ
เราเริ่มปรับและเลือกใช้วัตถุดิบภายในประเทศให้ใกล้ 100% มากที่สุดในทุกกระบวนการผลิต
ทั้งนี้เพราะเราอยากอุดหนุนของไทย ประชาสัมพันธ์ของไทย และอยากกระจายรายได้สู่คนไทยด้วยกัน
มากกว่า การใช้สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะไม่เห็นรสพานาคอตต้า พิตาชิโอ
บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก หรือรสชาติสไตล์นี้จากร้านเมฆไอศครีม
แต่สุดท้ายคุณจะได้พบกับรสชาติที่มีผลผลิตจากผืนแผ่นดินไทย ที่เป็นดั่งตัวแทนของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และภูมิปัญญา
เพราะเราอยากให้รู้ว่า “ของไทย นั้นเจ๋งแค่ไหน”
[ วัตถุดิบเกิดขึ้นมากมายกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ไม่ว่าจากการเกษตร ประมง หรือเกิดขึ้นตามธรรมชาติและผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
วัตถุดิบแต่ละท้องถิ่นก็จะสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเด่นของแต่ละพื้นที่ ภูมิอากาศที่แตกต่าง ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ
ที่ผสานกับต้นรากของประวัติศาสตร์ จึงเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น ]
ที่เราสืบทอดและรักษาสูตรไอศกรีมกะทิที่ถูกปรุงอย่างพิถีพิถันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2510
และเบสกะทินี้ยังเป็นโครงสร้างภาพรวมของรสชาติอื่นๆกว่า 80% ในสูตร
จึงสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติ แห่งเจตนารมณ์ ของผู้ก่อตั้งในแทบทุกรสของเรา
“เป็นรสชาติที่หาทานไม่ได้จากที่อื่น”
กว่า 57 ปี เราทำธุรกิจไอศกรีมเพียงอย่างเดียวมาโดยตลอด
และเรายังคงยืนหยัดทำไอศกรีมที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ต่อไป
“ทุกคนจะได้เห็นเมฆไอศครีมอายุเกิน 100 ปีอย่างแน่นอน”
เราโฟกัส เฉพาะเจาะจงในการทำไอศกรีมรสชาติไทย (Specialize & Uniqueness)
หากเปรียบเทียบกับเชฟอาหารไทยที่เก่งที่สุดในประเทศ
เราไม่มีทางจะชนะเรื่องของการทำอาหารไทยได้เลย
แต่ถ้าหากเป็นไอศกรีมรสชาติไทยแล้ว เรามีโอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ชนะ
[ เราเชี่ยวชาญ : เรามุ่งมั่นทำไอศกรีมรสชาติไทยเพียงอย่างเดียว
เราหลงใหล : เรามีความหลงใหลในไอศกรีมไทย และมุ่งพัฒนาอยู่เสมอ
เราใส่ใจ : เราใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ไปจนถึงปลายทางผู้บริโภค
เราเข้าใจ : เราเข้าใจวัตถุดิบไทย รู้วิธีนำเสนอจุดเด่นของแต่ละรสชาติ ]
แม้ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจนี้มานานถึง 3 เจเนอเรชั่น แต่เราไม่เคยหยุดเรียนรู้
ทายาทรุ่นที่ 3 ก็ถูกส่งไปเรียนเชฟจากวิทยาลัยดุสิตธานี
เพราะว่าเรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความเชี่ยวชาญในอาชีพของเราเสมอ
และเราก็ยังคงไม่หยุดพัฒนา ในทุกๆด้านของการดำเนินธุรกิจ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เป้าหมายของเราคือสร้างคุณค่าที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภค
รวมถึงสนับสนุน สังคม สิ่งแวดล้อม และบริษัท ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
“ที่ผ่านมาเราไม่เคยตั้งเป้าจากยอดขายไว้เลย กำไรจึงเป็นเพียงผลลัพธ์จากความตั้งใจของเรา”
Life สังคม ชุมชน ผู้คน. ธุรกิจเรา ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนหลังตลาดบุรีบริบาล
การช่วยดูแลเพื่อนบ้านจึงเป็นรากฐานสำคัญต่อความยั่งยืนของธุรกิจ เรามีแนวคิดที่กำลังเริ่ม
ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ เช่น ประชาสัมพันธ์แหล่งท้องถิ่น การทำCSRในชุมชนของเรา
มอบไอศกรีมอร่อยๆประจำปีให้กับผู้อยู่อาศัยรอบๆร้านเรา ฯลฯ
Earth โลกหรือสิ่งแวดล้อม. กิจกรรมในธุรกิจล้วนส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งจริงๆแล้วมิติของความยั่งยืนมีหลากหลายมิติมากๆ และแน่นอนว่าเรายังทำได้ไม่ดี
และมีบางอย่างที่เรายังไม่สามารถปรับได้อย่างสมบูรณ์ แต่เราก็มีแผนที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการลงมือทำ
Business พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า. คนคือสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดในบริษัท หากพนักงานมีความสุข
สิ่งดีๆย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ความสุขของพนักงานจึงเป็นวาระที่เรานำมาทบทวนอย่างต่อเนื่อง.
คู่ค้า เราชอบที่จะเลือกใช้และอุดหนุนวัตถุดิบที่มาจากเกษตรกร ชุมชน หรือผู้ผลิตรายย่อยที่มี
จิตวิญญาณความใส่ใจเฉกเช่นเดียวกับเรา และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประชาสัมพันธ์ถึง
แหล่งที่มา เพื่อให้ผู้บริโภคปลายทางได้รับรู้และการกระจายรายได้ตรงสู่ต้นทาง.
รวมถึงเราขอขอบคุณลูกค้าของเรา เราสัญญาว่าส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ.
เราอยากให้ผู้คนเห็นความเจ๋งและคุณค่าของผลิตภัณฑ์ไทย ผ่านไอศกรีมและตำนานของเรา สามารถอ่านความตั้งใจในการทำไอศกรีมจากเราเพิ่มเติม หรือ อ่านรีวิวร้านเมฆไอศครีมชลบุรี
ไปไหนดีกินอะไรดี ที่เที่ยวของคนชลบุรี ของดี ร้านดัง นึกไม่อยากอย่าลืมแวะเมฆไอศครีม คาเฟ่ชลบุรี เราจะทำไอติมไทยให้อร่อยที่สุดในประเทศ เป็นแบรนด์ไอติมไทยอันดับ1 และคว้ามิชลินไกด์ชลบุรีมาให้ได้
1. ความรับผิดชอบต่อตัวเอง และ
2. การหล่อหลอมแนวคิดจากครอบครัว เพราะคิดว่าบางเรื่องมันคล้ายๆกับเรื่องการประหยัด แถมยังช่วยโลกร้อนน้อยลงด้วย เช่น ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ , เลือกใช้ของประหยัดไฟเบอร์5 , ของเสียให้เลือกซ่อม ,
นำภาชนะมาใช้ซ้ำ , กินข้าวให้หมดจาน ฯลฯ
.
ซึ่งจริงๆแล้วมิติของความยั่งยืนยังมีอีกหลากหลายมิติมากๆ และแน่นอนว่าเรายังทำได้ไม่ดี และมีบางอย่างที่เรายังไม่สามารถปรับได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็มีแผนที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการทำ โดยยึดหลักการที่เริ่มต้นได้ง่ายๆที่เราได้อบรมมาคือ
1. เริ่มดีกว่าไม่เริ่ม อะไรเริ่มก่อนได้ให้เริ่มเลย
2. ทำน้อยดีกว่าไม่ทำ
3. ถ้ามีวิธีเรื่องความยั่งยืนที่ดีกว่า ก็แนะนำเราได้เลย
4. เลือกทางที่ดีที่สุดไม่ได้ ก็เลือกทางที่แย่น้อยสุด
5. เลือกทำอะไรที่ยั่งยืนจริงๆไม่ใช่กรีดเลือดมาทำเพราะอาจทำไม่ได้ยาว (เช่น CSR แบบใช้เงินโดยที่เรายังไม่พร้อม)
และมีวิธียั่งยืนแบบไม่ต้องใส่เงินเลย
.
ตอนนี้เรานำเรื่องความยั่งยืนมาปรับใช้ โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน เช่น การเลือกเปลี่ยนมาใช้วัสดุย่อยสลายง่ายแทนพลาสติก , พยายามจัดการของเสียทั้งกระบวนการ , การแยกขยะเพื่อส่งต่อไปสู่ปลายทางการจัดการให้เหมาะสม , แผนอบรมพนักงาน , แผนนำพลังงานสะอาดมาใช้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของมิติของ SDG
และสุดท้ายเราอยากแนะนำเรื่องง่ายๆที่ทุกคนเริ่มได้เลยคือแนวคิดการลดขยะให้เหลือศูนย์ (Zero Waste) คือทำยังไงก็ได้ให้เกิดสิ่งที่เราจะทิ้งลงถังขยะหรือสร้างมลภาวะให้น้อยที่สุด
1. หลีกเลี่ยง การสร้างขยะให้มากที่สุดและคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานที่ทนทานใช้ได้หลายครั้ง เช่น พกถุงผ้าแทนการรับพลาสติก , ไม่รับช้อน ส้อม ตะเกียบพลาสติก
2. ลดการใช้ ทรัพยากรต่างๆ เช่น ใช้วัสดุสิ้นเปลืองแค่พอจำเป็น , ใช้ขวดน้ำพกพาสำหรับเติมน้ำดื่ม , ใช้บันไดแทนลิฟท์ , เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์5 ,
ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังใช้งานทันที , สั่งอาหารแค่พอทาน เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดโลกร้อนได้จริง
3. ใช้ซ้ำ เช่น ถ้าหากยังซ่อมได้ก็อยากให้เป็นทางเลือกแรก , การนำกลับมาประยุกต์ใช้ใหม่ , เปลี่ยนขวดน้ำเป็นแจกัน , เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ขนม
มาใส่ของ
4. รีไซเคิล ถ้ามีสิ่งที่ไม่ได้ใช้จริงๆและต้องการจะทิ้ง เรายังสามารถช่วยลดโลกร้อนได้โดยการแยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อนำทรัพยากรที่ยังใช้ได้
กลับมาใช้ต่อ หรือขยะทั่วไปก็ควรแยกไว้ให้เทศบาลไปจัดการต่ออย่างถูกวิธี
และโลกต้องการจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยที่เราพอจะทำได้ แต่ร่วมใจกันแบบนี้หละ
สุดท้าย โลกหรือสิ่งแวดล้อม(Earth) ชุมชนหรือชีวิต(Life) ธุรกิจหรือตัวเรา(Business) ต้องยั่งยืนไปด้วยกัน
__________________________________________________
นอกจากนี้เราก็ตั้งใจที่จะทำไอติมไทยให้อร่อยที่สุดในประเทศ ทำให้เมฆไอศกรีมเป็นแบรนด์ไอติมไทยอัน
1. สีเขียว = ขยะย่อยสลายเองได้ เช่น เศษอาหาร > นำไปทำปุ๋ยหรือน้ำชีวภาพ
2. สีฟ้า = ขยะทั่วไป ไม่คุ้มรีไซเคิล เช่น โฟม ถุงขนมพลาสติก > ทำเชื้อเพลิง สิ่งประดิษฐ์
3. สีเหลือง = ขยะรีไซเคิลได้ เช่น กล่อง-ถ้วยกระดาษ ขวดน้ำ > รีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่
4. สีแดง = ขยะอันตราย เช่น วัตถุปนเปื้อนเคมี หน้ากากใช้แล้ว > ส่งทำลายอย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้ปนกับแหล่งน้ำและผิวดิน
เมื่อเราแยกขยะแล้วสามารถนำไปการจัดการต่อโดยการนำไปขายได้
หรือนำไปล้าง แยกฉลาก ฝา จัดประเภท ก็จะทำให้ขายได้ราคามากขึ้น
เพื่อให้ปลายทางไปจัดการต่อได้ง่ายและขยะส่งต่อไปในเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ
[เมฆไอศครีมเราไม่ได้แยกเพื่อขาย แต่แยกไว้เพื่อให้คนในชุมชนนำไปขายต่อ]
1. ทำให้เรากำจัดขยะได้ถูกวิธีมากขึ้น ลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ที่กระจายไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่
2. เพิ่มการนำกลับมารีไซเคิล เราจะเหลือขยะที่ต้องกำจัดน้อยลง ขยะบนโลกก็จะลดลงด้วย
3. ของที่สามารถกลับมารีไซเคิลได้จะช่วยเพิ่มรายได้และลดทรัพยากรโลกในการผลิตใหม่อีกครั้ง
เราจะเป็นแบรนด์ไอติมไทยอันดับ1 รวมถึงคว้ามิชลินไกด์ชลบุรีมาให้ได้
เรายังชอบแหล่งวัตถุดิบหรือผู้ผลิตที่มีการส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชน คำนึงถึงธรรมชาติ
และเราก็พยายามเลือกวัสดุย่อยสลายง่าย ใช้ทรัพยากรตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
เราอยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่สนับสนุนให้ระบบนิเวศรอบตัวเรา Life & Earth & Business ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
COPYRIGHT 1967 ITIMMEK CO.,LTD
เมฆไอศครีม ยินดีให้ข้อมูลครับ